หนุ่มสาวถามว่า
จะทำยังไงดีถ้าถูกแนะนำ?
ทดสอบตัวเอง
เราทุกคนต้องได้รับคำแนะนำบ้าง เพราะมันจะช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้นหรือมีนิสัยที่ดีขึ้น ลองนึกภาพเหตุการณ์ต่อไปนี้
● ครูบอกว่าโปรเจ็คล่าสุดของคุณมันดูลวกๆ เขาพูดว่า “เธอต้องหาข้อมูลเพิ่มอีกหน่อยนะ”
คุณจะทำยังไง?
ก. ไม่ยอมรับ (‘ก็ครูไม่ชอบฉันนี่’)
ข. ยอมรับ (‘เดี๋ยวโปรเจ็คหน้าจะลองทำตามที่ครูว่าละกัน’)
● แม่บอกว่าห้องรกมาก ทั้งๆที่คุณเพิ่งทำความสะอาดไปเอง
คุณจะทำยังไง?
ก. ไม่ยอมรับ (‘ทำเท่าไหร่ก็ไม่เคยถูกใจแม่สักที’)
ข. ยอมรับ (‘ก็จริงนะ ฉันน่าจะทำได้สะอาดกว่านี้’)
● น้องสาวบอกว่าคุณเป็นคนชอบเจ้ากี้เจ้าการ
คุณจะทำยังไง?
ก. ไม่ยอมรับ (‘ใครกันแน่ที่ชอบเจ้ากี้เจ้าการ?’)
ข. ยอมรับ (‘ฉันคงต้องทำกับเธอให้ดีกว่านี้’)
วัยรุ่นบางคนแตะไม่ได้แนะนำอะไรไม่ได้ แค่โดนว่านิดหน่อยก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว คุณเป็นคนแบบนั้นไหม? ถ้าใช่ คุณก็พลาดแล้วล่ะ ทำไมน่ะเหรอ? เพราะการเรียนรู้ที่จะยอมรับคำแนะนำจะช่วยคุณได้มากทั้งในตอนนี้และตอนเป็นผู้ใหญ่
ทำไมคำแนะนำถึงจำเป็นสำหรับฉัน?
เพราะคุณไม่ได้เพอร์เฟคทุกอย่าง คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “เราทุกคนผิดพลาดกันอยู่บ่อยๆ” (ยากอบ 3:2) เพราะอย่างนั้น เราทุกคนต้องได้รับคำแนะนำบ้าง
“ผมพยายามจำไว้ว่าไม่มีใครเพอร์เฟคไปซะทุกอย่าง เราทุกคนทำผิดบ่อยๆ พอใครมาแนะนำอะไรผม ผมก็พยายามเรียนรู้และไม่ทำผิดซ้ำอีก”—เดวิด
เพราะคุณทำดีกว่านี้ได้อีก คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ให้สอนคนฉลาด แล้วเขาจะฉลาดขึ้นอีก” (สุภาษิต 9:9) ถ้าคุณยอมรับคำแนะนำ มันจะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ
“ตอนก่อน ฉันไม่ชอบให้ใครมาแนะนำ ฉันรู้สึกว่ามันทำให้ฉันดูไม่ดี แต่ตอนนี้ฉันยอมรับคำแนะนำและยังขอคำแนะนำจากคนอื่นด้วย ฉันอยากรู้ว่าจะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นได้ยังไง”—เซลีน่า
ถ้าเราเป็นคนขอคำแนะนำ ก็คงง่ายที่จะยอมรับมัน แต่ถ้าถูกแนะนำโดยที่ไม่ได้ขอ อันนี้ก็อีกเรื่องหนึ่ง ตอนที่นาตาลีถูกแนะนำทั้งๆที่ไม่ได้ขอ เธอบอกว่า “ฉันตกใจและรู้สึกแย่มาก ฉันพยายามแทบตาย สุดท้ายก็ได้แต่คำแนะนำ”
คุณเคยเจออะไรคล้ายๆกันไหม? ถ้าเคย คุณคิดว่าจะทำยังไงดี?
ฉันจะยอมรับคำแนะนำได้ยังไง?
ฟัง
คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “คนที่มีความรู้จะไม่พูดมาก และคนที่รู้จักแยกแยะจะสงบปากสงบคำ” (สุภาษิต 17:27) เวลาคนอื่นพูดกับคุณอย่าเพิ่งขัดเขา ให้คิดก่อนพูด จะได้ไม่พูดอะไรที่ต้องมาเสียใจทีหลัง
“ตอนมีคนมาแนะนำฉัน ฉันชอบแก้ตัวอยู่เรื่อย แต่จริงๆแล้ว ฉันน่าจะเรียนรู้จากคำแนะนำและทำให้ดีขึ้นในครั้งหน้า”—ซาร่า
โฟกัสที่คำแนะนำไม่ใช่คนที่แนะนำ
ถ้ามีคนมาแนะนำคุณ คุณอาจอยากมองไปที่ข้อเสียของเขา แต่จะดีกว่าเยอะถ้าคุณทำตามคำแนะนำของคัมภีร์ไบเบิลที่ให้ “ไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ” (ยากอบ 1:19) ปกติแล้ว คำแนะนำจะมีส่วนที่จริงอยู่บ้างไม่มากก็น้อย อย่าทำให้ตัวเองพลาดสิ่งที่คุณจำเป็นต้องฟังแค่เพราะคุณไม่อยากฟัง
“เมื่อก่อน ตอนพ่อแม่แนะนำอะไรผม ผมชอบโมโหและบอกว่า ‘รู้แล้ว รู้แล้ว’ แต่พอผมพยายามฟังและทำตามที่พ่อแม่แนะนำ มันก็ดีกว่าที่คิด”—เอดเวิร์ด
มีมุมมองที่สมดุลกับตัวเอง
ถ้ามีคนมาแนะนำคุณก็ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นคนไม่เอาไหน มันก็แค่หมายความว่าคุณก็ผิดพลาดเหมือนกับทุกคน จริงๆแล้ว คนที่แนะนำคุณก็ต้องถูกแนะนำบ้างเหมือนกัน คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ในโลกนี้ไม่มีคนดีสักคนที่ทำแต่สิ่งที่ถูกต้องและไม่ทำบาปเลย”—ปัญญาจารย์ 7:20
“มีเพื่อนคนนึงมาแนะนำฉัน แต่ฉันคิดว่าไม่เห็นจะจำเป็นตรงไหนเลย ฉันขอบคุณเธอที่พูดตรงๆ แต่จริงๆในใจฉันก็ไม่ชอบ พอเวลาผ่านไป ฉันเห็นว่าที่เธอพูดก็จริงนะ คำแนะนำของเธอช่วยให้ฉันเห็นว่าต้องปรับปรุงอะไร ถ้าเธอไม่บอกฉัน ฉันก็คงไม่รู้ตัว”—โซเฟีย
ตั้งเป้าที่จะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น
คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “คนฉลาดยอมรับการว่ากล่าวแก้ไข” (สุภาษิต 15:5) ตอนถูกแนะนำคุณอาจรู้สึกเจ็บ แต่ถ้าคุณยอมรับคำแนะนำ คุณก็จะลืมมันได้และพยายามปรับปรุงตัวเองในจุดนั้นให้ดีขึ้น ลองเขียนออกมาว่าคุณต้องทำอะไรบ้าง แล้วลองดูว่า 2-3 เดือนหลังจากนั้น คุณได้ปรับปรุงอะไรบ้าง
“เพื่อจะยอมรับคำแนะนำได้ต้องเป็นคนซื่อสัตย์ เพราะคุณต้องซื่อสัตย์กับตัวเองคุณถึงจะยอมรับความผิดพลาด ขอโทษ และพยายามปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น”—เอมม่า
จุดสำคัญคือ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “เหล็กยังลับเหล็กให้คมได้ คนเราก็ช่วยเพื่อนให้เก่งขึ้นได้เหมือนกัน” (สุภาษิต 27:17) คำแนะนำจากคนอื่นจะช่วยลับคุณให้คมขึ้น มันจะช่วยให้คุณปรับปรุงตัวดีขึ้นทั้งตอนนี้และตอนเป็นผู้ใหญ่