ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

บทสิบสอง

การดำเนินชีวิตในแนวทางที่ทำให้พระเจ้าพอพระทัย

การดำเนินชีวิตในแนวทางที่ทำให้พระเจ้าพอพระทัย
  • คุณจะเป็นมิตรของพระเจ้าได้อย่างไร?

  • การที่ซาตานท้าทายสิทธิในการปกครองของพระเจ้านั้นเกี่ยวข้องกับคุณในทางใด?

  • ความประพฤติเช่นไรที่พระยะโฮวาไม่พอพระทัย?

  • คุณจะดำเนินชีวิตในแนวทางที่ทำให้พระเจ้าพอพระทัยได้โดยวิธีใด?

1, 2. จงยกตัวอย่างของบางคนที่พระยะโฮวาทรงถือว่าเป็นมิตรสนิทของพระองค์.

คนชนิดใดที่คุณจะเลือกเป็นเพื่อน? เป็นไปได้มากที่คุณอยากจะคบหากับคนที่มีทัศนะ, ความสนใจ, และค่านิยมคล้ายกับคุณ. และคุณคงชอบคบหากับคนที่มีคุณลักษณะดีงาม เช่น ความซื่อตรงและความกรุณา.

2 ตลอดประวัติศาสตร์ พระเจ้าได้ทรงเลือกบางคนเป็นมิตรสนิทของพระองค์. ตัวอย่างเช่น พระยะโฮวาทรงเรียกอับราฮามว่ามิตรของพระองค์. (ยะซายา 41:8; ยาโกโบ 2:23) พระเจ้าตรัสถึงดาวิดว่าเป็น “คนที่เราพอใจ” เพราะท่านเป็นคนชนิดที่พระยะโฮวาทรงรัก. (กิจการ 13:22) และพระยะโฮวาทรงถือว่าผู้พยากรณ์ดานิเอลเป็น “คนโปรดปรานยิ่งนัก.”—ดานิเอล 9:23.

3. ทำไมพระยะโฮวาทรงเลือกบางคนเป็นมิตรของพระองค์?

3 ทำไมพระยะโฮวาทรงถือว่าอับราฮาม, ดาวิด, และดานิเอลเป็นมิตรของพระองค์? พระองค์ตรัสแก่อับราฮามว่า “เจ้าได้เชื่อฟังเสียงของเรา.” (เยเนซิศ 22:18) ดังนั้น พระยะโฮวาทรงเข้าใกล้คนเหล่านั้นที่ถ่อมใจทำสิ่งที่พระองค์ทรงเรียกร้องให้เขาทำ. พระองค์ตรัสแก่ชาวอิสราเอลว่า “จงเชื่อฟังเสียงของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้าและเจ้าจะเป็นประชากรของเรา.” (ยิระมะยา 7:23, ฉบับ R73 ) หากคุณเชื่อฟังพระยะโฮวา คุณก็สามารถเป็นมิตรของพระองค์ได้!

พระยะโฮวาทรงเสริมกำลังมิตรของพระองค์

4, 5. พระยะโฮวาทรงสำแดงฤทธานุภาพเพื่อประชาชนของพระองค์โดยวิธีใด?

4 ขอให้คิดถึงผลดีที่ได้จากการเป็นมิตรของพระเจ้า. คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่าพระยะโฮวาทรงมองหาโอกาส “เพื่อสำแดงฤทธานุภาพของพระองค์โดยเห็นแก่ผู้เหล่านั้นที่มีใจจริงต่อพระองค์.” (2 โครนิกา 16:9, ฉบับ R73 ) พระยะโฮวาจะสำแดงฤทธานุภาพของพระองค์เพื่อคุณได้อย่างไร? บทเพลงสรรเสริญ 32:8 (ล.ม.) ชี้แจงวิธีหนึ่งซึ่งเราอ่านว่า “เรา [พระยะโฮวา] จะทำให้เจ้ามีความหยั่งเห็นเข้าใจ และสั่งสอนเจ้าในทางที่เจ้าควรดำเนิน. เราจะให้คำแนะนำพร้อมกับเฝ้าดูเจ้า.”

5 ช่างเป็นความใฝ่พระทัยที่น่าซาบซึ้งใจอะไรเช่นนี้ที่พระยะโฮวาทรงสำแดง! พระองค์จะให้การชี้นำที่จำเป็นและเฝ้าดูคุณขณะที่คุณเอาคำแนะนำนั้นไปใช้. พระเจ้าทรงต้องการ ช่วยคุณให้อดทนความยากลำบากและการทดลองได้สำเร็จ. (บทเพลงสรรเสริญ 55:22) ดังนั้น หากคุณรับใช้พระยะโฮวาสุดหัวใจ คุณก็มั่นใจได้เหมือนผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญซึ่งได้กล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้ตั้งพระยะโฮวาไว้ตรงหน้าข้าพเจ้าเสมอ: เพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่ข้างมือขวาของข้าพเจ้า, ข้าพเจ้าจะไม่แปรปรวนไป.” (บทเพลงสรรเสริญ 16:8; 63:8) ใช่แล้ว พระยะโฮวาสามารถช่วยคุณให้ดำเนินในแนวทางที่ทำให้พระองค์พอพระทัยได้. แต่ดังที่คุณทราบ มีศัตรูของพระเจ้าซึ่งอยากขัดขวางไม่ให้คุณทำเช่นนี้.

ข้อท้าทายของซาตาน

6. ซาตานได้กล่าวหาเช่นไรเกี่ยวกับมนุษย์?

6 บท 11 ของหนังสือนี้อธิบายวิธีที่ซาตานพญามารท้าทายสิทธิในการปกครองของพระเจ้า. ซาตานได้กล่าวหาพระเจ้าด้วยการโกหกและพูดเป็นนัย ๆ ว่า พระยะโฮวาไม่ยุติธรรมที่ไม่ยอมให้อาดามและฮาวาตัดสินใจเอาเองว่าอะไรถูกอะไรผิด. หลังจากอาดามกับฮาวาได้ทำบาปและเมื่อแผ่นดินโลกเริ่มเต็มไปด้วยลูกหลานของเขา ซาตานได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับเจตนาของมนุษย์ทุกคน. ซาตานได้กล่าวหาว่า “ผู้คนไม่ได้รับใช้พระเจ้าเพราะรักพระองค์. ขอให้ข้ามีโอกาส ข้าจะทำให้ใคร ๆ หันมาต่อต้านพระเจ้า.” เรื่องราวเกี่ยวกับชายชื่อโยบแสดงให้เห็นว่าซาตานคิดเช่นนี้. โยบคือใคร และท่านเข้าไปเกี่ยวข้องกับข้อท้าทายของซาตานอย่างไร?

7, 8. (ก) อะไรทำให้โยบเด่นในท่ามกลางมนุษย์สมัยนั้น? (ข) ซาตานแสดงความสงสัยเกี่ยวกับเจตนาของโยบอย่างไร?

7 โยบมีชีวิตอยู่ราว ๆ 3,600 ปีมาแล้ว. ท่านเป็นคนดี เพราะพระยะโฮวาตรัสว่า “ไม่มีใครในโลกดีเหมือนเขา; เป็นคนดีรอบคอบและชอบธรรม, เป็นผู้ยำเกรงพระเจ้าและหลบหลีกจากความชั่ว.” (โยบ 1:8) โยบได้ทำให้พระเจ้าพอพระทัย.

8 ซาตานได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับเจตนาของโยบในการรับใช้พระเจ้า. พญามารได้พูดกับพระยะโฮวาว่า “พระองค์มิได้สร้างรั้วล้อมรอบเขาไว้หรือ? และล้อมรอบเรือนและอะไรอะไรที่เขามีอยู่ทุกด้านหรือ? ก็พระองค์ได้อวยพรให้การงานโดยน้ำมือของเขาเจริญขึ้นนี่, และทรัพย์สมบัติของเขาก็ทวีมากขึ้นบนพื้นแผ่นดิน. แต่ถ้าหากบัดนี้พระองค์จะยื่นพระหัตถ์ออกแตะต้องให้เป็นอันตรายแก่ทรัพย์สินทั้งหมดที่เขามีอยู่นั้นเขาจะเลิกนับถือพระองค์ทีเดียว.”—โยบ 1:10, 11.

9. พระยะโฮวาทรงตอบรับการท้าทายของซาตานอย่างไร และเพราะเหตุใด?

9 ด้วยเหตุนี้ ซาตานโต้แย้งว่าโยบรับใช้พระเจ้าเพียงเพราะท่านได้รับผลตอบแทน. พญามารยังกล่าวหาด้วยว่า ถ้าโยบถูกทดสอบ ท่านจะหันมาต่อต้านพระเจ้า. พระยะโฮวาตอบรับการท้าทายของซาตานอย่างไร? เนื่องจากปัญหานี้เกี่ยวข้องกับเจตนาของโยบ พระยะโฮวาจึงอนุญาตให้ซาตานทดสอบโยบ. โดยวิธีนี้จึงจะปรากฏชัดว่าโยบมีหรือไม่มีความรักต่อพระเจ้า.

โยบถูกทดสอบ

10. ความยากลำบากอะไรบ้างเกิดขึ้นกับโยบ และท่านแสดงท่าทีอย่างไร?

10 ไม่ช้าซาตานก็ทดสอบโยบโดยวิธีต่าง ๆ. สัตว์ของโยบบางส่วนถูกขโมย และบางส่วนก็ถูกฆ่า. คนใช้ของท่านถูกสังหารไปเกือบหมด. นี่ทำให้เกิดความยากลำบากทางเศรษฐกิจ. เรื่องน่าเศร้าเกิดขึ้นอีกเมื่อลูกสิบคนของโยบเสียชีวิตระหว่างที่เกิดพายุ. แต่ทั้ง ๆ ที่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นนั้น “โยบหาได้กระทำผิดสิ่งใดไม่, และมิได้กล่าวโทษอันใดต่อพระเจ้าเลย.”—โยบ 1:22.

11. (ก) ซาตานได้ตั้งข้อกล่าวหาครั้งที่สองเช่นไรเกี่ยวกับโยบ และพระยะโฮวาทรงตอบรับอย่างไร? (ข) โยบมีท่าทีอย่างไรต่อโรคซึ่งทำให้ท่านเจ็บปวด?

11 ซาตานไม่เลิกรา. มันคงต้องคิดว่าถึงแม้โยบจะทนต่อการสูญเสียทรัพย์สมบัติ, คนใช้, และลูก ๆ ได้ แต่ท่านคงจะหันมาต่อต้านพระเจ้าหากตัวเองเจ็บป่วย. พระยะโฮวาปล่อยซาตานให้โจมตีโยบด้วยโรคที่น่ารังเกียจและเจ็บปวด. แต่กระนั้นสิ่งนี้ก็ไม่ได้ทำให้โยบหมดความเชื่อในพระเจ้าเลย. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ท่านกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ข้าจะไม่ทิ้งความสัตย์จริงของข้าจนข้าตาย.”—โยบ 27:5, ฉบับ R73.

โยบได้รับบำเหน็จเพราะแนวทางที่ซื่อสัตย์ของท่าน

12. โยบตอบข้อท้าทายของพญามารอย่างไร?

12 โยบไม่รู้ว่าซาตานเป็นต้นเหตุทำให้เกิดความยุ่งยากแก่ท่าน. เพราะไม่รู้รายละเอียดในเรื่องที่พญามารได้ท้าทายสิทธิในการปกครองของพระยะโฮวา โยบจึงเข้าใจว่าพระเจ้าเป็นผู้ก่อปัญหาให้ท่าน. (โยบ 6:4; 16:11-14) ถึงกระนั้น ท่านก็ยังรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงต่อพระยะโฮวา. และคำอ้างของซาตานที่ว่าโยบรับใช้พระเจ้าด้วยเหตุผลที่เห็นแก่ตัวนั้นได้รับการพิสูจน์ว่าไม่จริงเพราะโยบยังคงซื่อสัตย์อยู่!

13. เกิดอะไรขึ้นเนื่องจากโยบซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า?

13 ความซื่อสัตย์ของโยบทำให้พระยะโฮวามีคำตอบที่หนักแน่นสำหรับข้อท้าทายที่ดูหมิ่นของซาตาน. โยบเป็นมิตรของพระยะโฮวาอย่างแท้จริง และพระเจ้าทรงประทานบำเหน็จให้ท่านเพราะแนวทางที่ซื่อสัตย์ของท่าน.—โยบ 42:12-17.

คุณเกี่ยวข้องด้วยอย่างไร?

14, 15. ทำไมเราพูดได้ว่าข้อท้าทายของซาตานที่เกี่ยวข้องกับโยบนั้นใช้ได้กับมนุษย์ทุกคน?

14 ปัญหาเรื่องความซื่อสัตย์มั่นคงต่อพระเจ้าที่ซาตานยกขึ้นมาไม่ได้มุ่งไปยังโยบเท่านั้น. คุณมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน. เรื่องนี้ปรากฏชัดในสุภาษิต 27:11 ที่นั่นพระคำของพระยะโฮวากล่าวว่า “ศิษย์ของเราเอ๋ย, จงมีปัญญาขึ้น, และกระทำให้ใจของเรามีความยินดี; เพื่อเราจะมีคำตอบคนที่ตำหนิเราได้.” ถ้อยคำดังกล่าวซึ่งเขียนไว้หลายร้อยปีหลังจากโยบเสียชีวิตไปแล้ว แสดงว่าซาตานยังคงตำหนิพระเจ้าและกล่าวหาผู้รับใช้ของพระองค์อยู่. เมื่อเราดำเนินชีวิตในแนวทางที่ทำให้พระยะโฮวาพอพระทัย แท้จริงแล้วเราช่วยให้คำตอบสำหรับข้อกล่าวหาเท็จของซาตาน และโดยวิธีนั้นเราทำให้พระเจ้าปลาบปลื้มพระทัย. คุณรู้สึกอย่างไรในเรื่องนั้น? คงเป็นเรื่องดีเยี่ยมมิใช่หรือที่จะมีส่วนในการตอบข้อกล่าวหาที่โกหกของพญามาร แม้ว่านี่หมายถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในชีวิตคุณ?

15 ขอให้สังเกตที่ซาตานได้พูดว่า “คน ย่อมสละอะไร ๆ ทุกสิ่งได้, เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนชีวิตของตนให้คงอยู่.” (โยบ 2:4) โดยพูดว่า “คน” ซาตานแสดงอย่างชัดแจ้งว่าข้อกล่าวหาของมันใช้ได้ไม่เพียงแต่กับโยบ แต่ใช้กับมนุษย์ทุกคน. นั่นเป็นจุดที่สำคัญทีเดียว. ซาตานได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความซื่อสัตย์มั่นคงที่คุณ มีต่อพระเจ้า. พญามารอยากเห็นคุณไม่เชื่อฟังพระเจ้าและละทิ้งแนวทางที่ชอบธรรมเมื่อเกิดความลำบากขึ้น. ซาตานอาจพยายามทำให้เรื่องนี้สำเร็จโดยวิธีใด?

16. (ก) ซาตานพยายามทำให้ผู้คนหันเหไปจากพระเจ้าโดยวิธีใด? (ข) พญามารอาจใช้วิธีเหล่านี้กับคุณอย่างไร?

16 ดังที่พิจารณาในบท 10 ซาตานใช้วิธีต่าง ๆ เพื่อพยายามทำให้ผู้คนหันเหไปจากพระเจ้า. ในด้านหนึ่ง มันจู่โจมทำร้าย “เหมือนสิงโตคำราม เสาะหาคนที่มันจะขม้ำกินเสีย.” (1 เปโตร 5:8) ดังนั้น อิทธิพลของซาตานอาจเห็นได้จากการที่เพื่อนฝูง, ญาติพี่น้อง, หรือคนอื่นต่อต้านความพยายามของคุณที่จะศึกษาคัมภีร์ไบเบิลและนำสิ่งที่คุณเรียนนั้นมาใช้. * (โยฮัน 15:19, 20) ในอีกด้านหนึ่ง ซาตาน “ปลอมตัวเป็นทูตแห่งความสว่าง.” (2 โครินท์ 11:14) พญามารอาจใช้กลวิธีเพื่อชักนำคุณให้หลงและหลอกให้คุณละทิ้งการดำเนินชีวิตด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้า. นอกจากนี้ มันอาจใช้ความท้อใจ คืออาจทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอที่จะทำให้พระเจ้าพอพระทัย. (สุภาษิต 24:10) ไม่ว่าซาตานจะทำเหมือน “สิงโตคำราม” หรือทำตัวเป็น “ทูตแห่งความสว่าง” ข้อท้าทายของมันยังคงเหมือนเดิม คือมันกล่าวว่า เมื่อคุณเผชิญความยากลำบากหรือการล่อใจ คุณจะเลิกรับใช้พระเจ้า. คุณจะตอบข้อท้าทายของมันและพิสูจน์ว่าคุณมีความซื่อสัตย์มั่นคงต่อพระเจ้าเช่นเดียวกับโยบได้อย่างไร?

การเชื่อฟังพระบัญญัติของพระยะโฮวา

17. อะไรเป็นเหตุผลสำคัญในการเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้า?

17 คุณสามารถตอบข้อท้าทายของซาตานโดยการดำเนินชีวิตในแนวทางที่ทำให้พระเจ้าพอพระทัย. เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอะไร? คัมภีร์ไบเบิลตอบว่า “เจ้าจงรักพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าด้วยสุดใจ, สุดจิตต์ของเจ้า, และด้วยสิ้นสุดกำลังของเจ้า.” (พระบัญญัติ 6:5) เมื่อคุณมีความรักต่อพระเจ้าเพิ่มขึ้น คุณก็อยากจะทำสิ่งที่พระองค์ทรงเรียกร้องจากคุณด้วยความเต็มใจ. อัครสาวกโยฮันเขียนว่า “ด้วยว่าการรักพระเจ้าหมายถึงการทำตามพระบัญญัติของพระองค์.” ถ้าคุณรักพระยะโฮวาด้วยสิ้นสุดหัวใจ คุณจะพบว่า “พระบัญญัติของพระองค์ไม่เป็นภาระหนัก.”—1 โยฮัน 5:3.

18, 19. (ก) บัญญัติบางข้อของพระยะโฮวามีอะไรบ้าง? (โปรดดูกรอบ “จงหลีกหนีสิ่งที่พระยะโฮวาทรงเกลียด”) (ข) เรารู้ได้อย่างไรว่าพระเจ้าไม่ได้เรียกร้องจากเรามากเกินไป?

18 บัญญัติของพระยะโฮวามีอะไรบ้าง? บัญญัติบางข้อเกี่ยวข้องกับความประพฤติที่เราต้องหลีกเลี่ยง. เพื่อเป็นตัวอย่าง โปรดสังเกต กรอบที่มีหัวข้อว่า “จงหลีกหนีสิ่งที่พระยะโฮวาทรงเกลียด.” ในกรอบนั้นคุณจะพบว่าความประพฤติที่คัมภีร์ไบเบิลตำหนิอย่างชัดเจนนั้นมีอะไรบ้าง. ตอนแรกเมื่อดูคร่าว ๆ การกระทำบางอย่างอาจดูเหมือนไม่น่ารังเกียจนัก. แต่หลังจากไตร่ตรองดูข้อคัมภีร์ที่มีการอ้างถึงแล้ว คุณคงจะเห็นสติปัญญาในกฎหมายของพระยะโฮวา. การเปลี่ยนแปลงความประพฤติของคุณอาจเป็นเรื่องยากที่สุดเท่าที่คุณเคยประสบมา. กระนั้น การดำเนินชีวิตในแนวทางที่ทำให้พระเจ้าพอพระทัยทำให้เกิดความพอใจและความสุขมากมาย. (ยะซายา 48:17, 18) และนี่เป็นสิ่งที่คุณสามารถทำได้. เรารู้ได้อย่างไร?

19 พระยะโฮวาไม่เคยเรียกร้องจากเรามากเกินกว่าที่เราจะทำได้. (พระบัญญัติ 30:11-14) พระองค์ทรงทราบความสามารถและขีดจำกัดของเราดียิ่งกว่าตัวเราเสียอีก. (บทเพลงสรรเสริญ 103:14) นอกจากนี้ พระยะโฮวาสามารถประทานกำลังให้เราเพื่อจะเชื่อฟังพระองค์. อัครสาวกเปาโลเขียนว่า “พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ พระองค์จะไม่ทรงให้พวกท่านถูกล่อใจเกินกว่าจะทนได้ แต่เมื่อพวกท่านถูกล่อใจ พระองค์จะทรงให้มีทางออกด้วยเพื่อพวกท่านจะทนได้.” (1 โครินท์ 10:13) เพื่อช่วยเราอดทนได้ พระยะโฮวาอาจถึงกับช่วยให้คุณมี “กำลังที่มากกว่าปกติ.” (2 โครินท์ 4:7) หลังจากอดทนความยากลำบากหลายอย่าง เปาโลกล่าวได้ว่า “ข้าพเจ้ามีกำลังสำหรับทุกสิ่งโดยพระองค์ผู้ทรงประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า.”—ฟิลิปปอย 4:13.

การพัฒนาคุณลักษณะที่ทำให้พระเจ้าพอพระทัย

20. คุณลักษณะอะไรบ้างที่พระเจ้าพอพระทัยที่คุณควรพัฒนา และทำไมคุณลักษณะเหล่านี้จึงสำคัญ?

20 แน่นอน การทำให้พระยะโฮวาพอพระทัยไม่ได้หมายถึงการหลีกหนีสิ่งที่พระองค์ทรงเกลียดเท่านั้น. คุณต้องรักสิ่งที่พระองค์ทรงรักด้วย. (โรม 12:9) คุณรู้สึกชอบคนที่มีทัศนะ, ความสนใจ, และค่านิยมเหมือนคุณมิใช่หรือ? พระยะโฮวาก็ทรงรู้สึกอย่างนั้นด้วย. ดังนั้น จงเรียนที่จะรักสิ่งที่พระยะโฮวาทรงรัก. สิ่งเหล่านี้บางอย่างมีบอกไว้ที่บทเพลงสรรเสริญ 15:1-5 ซึ่งเราจะอ่านได้เกี่ยวกับคนเหล่านั้นที่พระเจ้าทรงถือว่าเป็นมิตรของพระองค์. มิตรของพระยะโฮวาแสดงสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลเรียกว่า “ผลของพระวิญญาณ.” ผลพระวิญญาณนี้ประกอบด้วยคุณลักษณะต่าง ๆ เช่น “ความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดกลั้นไว้นาน ความกรุณา ความดี ความเชื่อ ความอ่อนโยน การควบคุมตนเอง.”—กาลาเทีย 5:22, 23.

21. อะไรจะช่วยคุณให้พัฒนาคุณลักษณะที่พระเจ้าพอพระทัย?

21 การอ่านและการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเป็นประจำจะช่วยคุณให้พัฒนาคุณลักษณะที่ทำให้พระเจ้าพอพระทัย. และการเรียนรู้ว่าพระเจ้าทรงประสงค์สิ่งใดจะช่วยให้คุณปรับความคิดของตัวเองให้ประสานกับความคิดของพระเจ้า. (ยะซายา 30:20, 21) ยิ่งคุณทำให้ความรักที่มีต่อพระยะโฮวาแน่นแฟ้นมากเท่าไร คุณก็ยิ่งปรารถนาที่จะดำเนินชีวิตในแนวทางที่ทำให้พระเจ้าพอพระทัยมากขึ้นเท่านั้น.

22. คุณจะทำให้อะไรบรรลุผลสำเร็จ หากคุณดำเนินชีวิตในแนวทางที่ทำให้พระเจ้าพอพระทัย?

22 ต้องมีความพยายามเพื่อจะดำเนินชีวิตในแนวทางที่ทำให้พระยะโฮวาพอพระทัย. คัมภีร์ไบเบิลเปรียบการเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณกับการเปลื้องบุคลิกภาพเก่าแล้วสวมบุคลิกภาพใหม่. (โกโลซาย 3:9, 10) แต่เกี่ยวกับพระบัญญัติของพระยะโฮวา ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญได้เขียนว่า “การรักษาข้อความเหล่านั้นไว้จะมีบำเหน็จเป็นอันมาก.” (บทเพลงสรรเสริญ 19:11) คุณจะพบว่าการดำเนินชีวิตในแนวทางที่ทำให้พระเจ้าพอพระทัยให้บำเหน็จอย่างมากมายด้วย. โดยการทำเช่นนี้ คุณจะให้คำตอบสำหรับข้อท้าทายของซาตานและทำให้พระยะโฮวาสำราญพระทัย!

^ วรรค 16 นี่ไม่ได้หมายความว่าซาตานควบคุมแต่ละคนที่ต่อต้านคุณ. แต่ซาตานเป็นพระเจ้าของระบบนี้ และทั้งโลกอยู่ในอำนาจของมัน. (2 โครินท์ 4:4; 1 โยฮัน 5:19) ดังนั้น เราคาดหมายได้ว่าการดำเนินชีวิตด้วยความเลื่อมใสพระเจ้าจะไม่เป็นที่นิยมชมชอบ และบางคนจะต่อต้านคุณ.