ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ทัศนะของคัมภีร์ไบเบิล | วิวัฒนาการ

วิวัฒนาการ

วิวัฒนาการ

บางคนบอกว่าชีวิตเกิดจากวิวัฒนาการ แต่บางคนก็เถียงว่าพระเจ้าเริ่มสร้างสิ่งมีชีวิตก่อน จากนั้นก็ปล่อยให้วิวัฒนาการไปเรื่อย ๆ แล้วคัมภีร์ไบเบิลบอกอย่างไร?

เรื่องการสร้างโลกที่บันทึกในคัมภีร์ไบเบิลแสดงให้เห็นไหมว่าเป็นไปได้ที่เอกภพจะเกิดจากการระเบิดใหญ่?

คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “เมื่อเดิมพระเจ้าได้นฤมิตสร้างฟ้าและดิน” (เยเนซิศ 1:1) แต่ไม่ได้บอกว่าพระเจ้าสร้างสิ่งต่าง ๆ ขึ้นอย่างไร ถ้าการระเบิดนั้นทำให้มีจักรวาลหรือเอกภพเกิดขึ้น เรื่องนี้ก็ไม่ได้ ขัดกับสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลบอกไว้ ที่จริง หนังสือเยเนซิศ 1:1 กลับให้คำตอบสำหรับคำถามที่ว่า ใครคือผู้ที่ทำให้เกิด การระเบิดใหญ่?

แน่นอน นักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่า การระเบิดใหญ่เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ไร้การควบคุม ซึ่งทำให้มวลสารแตกกระจายออกมาแล้วเรียงตัวกันเองจนเกิดเป็นดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ต่าง ๆ ซึ่งก็ต้องใช้เวลาอยู่ช่วงหนึ่ง คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้สนับสนุนแนวคิดแบบนั้น แต่กลับบอกว่าพระเจ้าเป็นผู้ที่ทำให้เกิดเอกภพขึ้น ซึ่งพระองค์อาจใช้การระเบิดใหญ่หรือใช้วิธีอื่นในการสร้างก็ได้

“เมื่อเดิมพระเจ้าได้นฤมิตสร้างฟ้าและดิน”เยเนซิศ 1:1

เรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิลเปิดช่องให้คิดไหมว่าเมื่อเวลาผ่านไป สิ่งมีชีวิตจะมีการเปลี่ยนแปลงตัวเอง?

คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระเจ้าสร้างสิ่งมีชีวิต “ตามชนิดของมัน” (เยเนซิศ 1:11, 12, 21, 24, 25) ในสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง จะมีความแตกต่างกันได้ไหม? ได้! แต่การปรับตัวของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งจะเป็นหลักฐานได้ไหมว่า สิ่งมีชีวิตชนิดนั้นจะวิวัฒนาการเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่? ไม่ได้!

ขอดูตัวอย่างนี้ ช่วงทศวรรษ 1970 นักวิจัยได้ศึกษาเกี่ยวกับนกฟินช์ในหมู่เกาะกาลาปากอส พวกเขาสังเกตว่าสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปทำให้นกฟินช์มีจะงอยปากใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยเพื่อมันจะอยู่รอดได้ง่ายขึ้น บางคนจึงลงความเห็นว่า ตัวอย่างนี้เป็นหลักฐานของวิวัฒนาการ แต่นี่เป็นหลักฐานของวิวัฒนาการหรือเป็นการปรับตัวเพื่อความอยู่รอด? หลายปีต่อมา นกฟินช์ที่มีจะงอยปากเล็กกลับมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีก และการศึกษาวิจัยนี้ทำให้เจฟฟรีย์ เอช. ชวาทซ์ ศาสตราจารย์ด้านมานุษยวิทยาได้ข้อสรุปว่า ขณะที่การปรับตัวอาจช่วยให้สัตว์ชนิดหนึ่งอยู่รอดได้ภายใต้สภาพการณ์ที่เปลี่ยนไป แต่ “ไม่ได้สร้างอะไรขึ้นมาใหม่เลย”

คัมภีร์ไบเบิลกับทฤษฎีวิวัฒนาการจะเป็นจริงทั้งคู่ได้ไหม?

คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า พระเจ้า “สร้างทุกสิ่ง” (วิวรณ์ 4:11) พระองค์ไม่ได้ “หยุดพัก” จนงานสร้างของพระองค์เสร็จสมบูรณ์ (เยเนซิศ 2:2, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย ) ข้อคัมภีร์นี้แสดงชัดเจนว่า พระเจ้าไม่ได้สร้างสิ่งมีชีวิตที่เรียบง่ายแล้วก็หยุดพักหรือปล่อยให้สิ่งมีชีวิตนั้นวิวัฒนาการขึ้นตลอดหลายพันล้านปีจนกลายเป็นปลาชนิดต่าง ๆ ลิง (มนุษย์วานร) และมนุษย์ * แนวคิดที่เรียกว่ามาโครเอโวลูชัน (macroevolution) นี้ไม่ยอมรับว่ามีผู้สร้างสิ่งต่าง ๆ ซึ่งคัมภีร์ไบเบิลเรียกผู้นั้นว่า “[ผู้] สร้างฟ้าและแผ่นดิน และทะเล และสรรพสิ่งซึ่งมีอยู่ในที่เหล่านั้น”—เอ็กโซโด 20:11; วิวรณ์ 10:6

“พระยะโฮวา พระเจ้าของพวกข้าพเจ้า พระองค์ทรงคู่ควรจะได้รับเกียรติยศ ความนับถือ และอำนาจ เพราะพระองค์ทรงสร้างทุกสิ่ง”วิวรณ์ 4:11

เพื่อเรียนรู้มากขึ้น: คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ตั้งแต่เริ่มสร้างโลกมานั้น สภาพของพระเจ้าซึ่งตามนุษย์มองไม่เห็น . . . ก็ได้ปรากฏชัดในสรรพสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้าง” (โรม 1:20, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน ) การเรียนเกี่ยวกับพระเจ้าจะช่วยให้รู้ว่าเราเกิดมาทำไม เพราะพระองค์มีความประสงค์ที่ดีสำหรับทุกคนที่แสวงหาพระองค์ด้วยความจริงใจ (ท่านผู้ประกาศ 12:13; ฮีบรู 11:6) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ดูที่ www.pr418.com/th หรือติดต่อกับพยานพระยะโฮวา ดูหัวข้อ คำสอนของคัมภีร์ไบเบิล > ถาม-ตอบเรื่องคัมภีร์ไบเบิล

^ วรรค 12 พระคัมภีร์ไม่ได้สนับสนุนแนวคิดของคนที่เชื่อว่าพระเจ้าสร้างโลกภายใน 6 วันซึ่งเป็นวันที่มี 24 ชั่วโมง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ดูหน้า 24-27 ของจุลสารมีใครสร้างสิ่งมีชีวิตไหม? จัดพิมพ์โดยพยานพระยะโฮวา และมีให้ดาวน์โหลดได้ที่ www.pr418.com/th