“เมื่อเดิมพระเจ้าได้นฤมิตสร้างฟ้าและดิน”—เยเนซิศ 1:1

คัมภีร์ไบเบิลกล่าวอย่างไร?

เยเนซิศ 1:1 บอกว่า “เมื่อเดิม” พระเจ้าสร้างเอกภพรวมทั้งแผ่นดินโลก แต่ไม่ได้ระบุวันเวลาที่แน่ชัดเอาไว้ นักวิทยาศาสตร์สมัยปัจจุบันก็ยอมรับว่าเอกภพมีจุดเริ่มต้น ไม่นานมานี้ นักวิทยาศาสตร์คาดว่าเอกภพของเรามีอายุเกือบ 14,000 ล้านปีแล้ว

คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงช่วง 6 “วัน” ที่พระเจ้าสร้างโลก แต่ไม่ได้บอกว่าแต่ละวันมี 24 ชั่วโมง (เยเนซิศ 1:31) ที่จริง คัมภีร์ไบเบิลใช้คำว่า “วัน” หลายครั้งซึ่งมีช่วงเวลาที่ยาวนานแตกต่างกันไป เช่น เรียกช่วงเวลาทั้งหมดที่พระเจ้าสร้างว่า “วัน ที่พระยะโฮวาเจ้าได้ทรงสร้างฟ้าและแผ่นดิน” (เยเนซิศ 2:4) เห็นได้ชัด คำว่า “วัน” แห่งการสร้างของพระเจ้าในข้อนี้เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานหลายพันปี—บทเพลงสรรเสริญ 90:4

ทำไมคุณควรสนใจเรื่องนี้?

ความคิดผิด ๆ ของคนที่เชื่อทฤษฎีการทรงสร้างอาจมีผลกระทบต่อคุณและทำให้คุณไม่ยอมรับส่วนอื่น ๆ ของคัมภีร์ไบเบิล แต่ถ้าคัมภีร์ไบเบิลบันทึกเรื่องการสร้างโลกและสิ่งต่าง ๆ อย่างถูกต้องแม่นยำ คุณก็จะมีโอกาสได้รับประโยชน์จากทรัพย์อันล้ำค่าแห่ง “สติปัญญาที่ใช้ได้จริง” ของคัมภีร์ไบเบิล—สุภาษิต 3:21

“พระเจ้าตรัสให้ฝูงสัตว์มีชีวิตบังเกิดขึ้นที่แผ่นดินตามชนิดของมัน”—เยเนซิศ 1:24

คัมภีร์ไบเบิลกล่าวอย่างไร?

พระเจ้าไม่ได้สร้างสิ่งมีชีวิตรูปแบบง่าย ๆ แล้วปล่อยให้มันวิวัฒนาการเองจนกลายเป็นรูปแบบที่ซับซ้อนขึ้น แต่พระเจ้าสร้างพืชและสัตว์แต่ละ “ชนิด” ให้มีรูปแบบที่ซับซ้อนตั้งแต่แรก “ตามชนิด” ของมัน (เยเนซิศ 1:11, 21, 24) จนถึงทุกวันนี้โลกของเราก็มีพืชและสัตว์ “ชนิด” ต่าง ๆ เหมือนเดิมตามแบบที่พระเจ้าสร้างไว้ตั้งแต่แรก—บทเพลงสรรเสริญ 89:11

คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้บอกว่าจะมีสัตว์ชนิดใหม่เกิดขึ้นอีก แต่ก็ไม่ได้พูดเจาะจงว่าสัตว์แต่ละชนิดจะสามารถออกลูกออกหลานเพิ่มขึ้นได้อีกกี่สายพันธุ์ สัตว์สายพันธุ์ต่าง ๆ ที่เราเห็นอยู่ในทุกวันนี้จึงอาจเกิดจากการผสมพันธุ์ข้ามพันธุ์ระหว่างสัตว์ชนิดเดียวกัน หรืออาจเกิดจากการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่มันอยู่อาศัยก็ได้ ในขณะที่บางคนมองว่าการเปลี่ยนแปลงแบบนี้เป็นรูปแบบหนึ่งของวิวัฒนาการ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตใหม่ ๆ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยสมัยใหม่สนับสนุนความคิดที่ว่าชนิดดั้งเดิมของพืชและสัตว์แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลยตลอดช่วงเวลาที่ยาวนาน

ทำไมคุณควรสนใจเรื่องนี้?

ความถูกต้องของคัมภีร์ไบเบิลกับวิทยาศาสตร์ในการอธิบายเรื่อง “ชนิด” ดั้งเดิมของสิ่งต่าง ๆ ทำให้เรื่องอื่น ๆ รวมทั้งเรื่องประวัติศาสตร์และคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลมีน้ำหนักและน่าเชื่อถือมากขึ้น

“มือของเรานี่แหละคลี่ฟ้าสวรรค์ออก”—ยะซายา 45:12, พระคริสตธรรมคัมภีร์ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย

คัมภีร์ไบเบิลกล่าวอย่างไร?

พระเจ้าเป็นแหล่งของพลังงานมหาศาล (โยบ 37:23) เรื่องนี้นับว่าสำคัญเพราะนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่าพลังงานสามารถเปลี่ยนเป็นสสารได้ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระเจ้าเป็นแหล่งของพลังหรือ “อานุภาพอันใหญ่ยิ่ง” ที่ทำให้เอกภพเกิดขึ้นมา (ยะซายา 40:26) พระเจ้าสัญญาว่าจะใช้พลังของพระองค์เพื่อค้ำจุนโลกและสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์สร้างขึ้นให้อยู่ตลอดไป คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวต่าง ๆ ว่า “[พระเจ้า] ได้ทรงตั้งสิ่งเหล่านั้นไว้ให้ยั่งยืนถาวรอยู่เป็นนิตย์”—บทเพลงสรรเสริญ 148:3-6

ทำไมคุณควรสนใจเรื่องนี้?

นักดาราศาสตร์ชื่อแอลลัน ซันเดจ เคยพูดว่า “วิทยาศาสตร์ไม่สามารถตอบคำถามต่าง ๆ ที่ลึกซึ้งและซับซ้อนได้ เมื่อคุณถามถึงอะไรบางอย่างว่ามันมาจากไหน มันเกิดขึ้นได้อย่างไร คำถามแบบนี้มันไกลเกินกว่าที่วิทยาศาสตร์จะตอบได้” พระคัมภีร์ไม่เพียงบอกว่าการสร้างของพระเจ้าสอดคล้องกับวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังให้คำตอบที่วิทยาศาสตร์เองก็ตอบไม่ได้ เช่น พระเจ้าสร้างโลกและสร้างมนุษย์ขึ้นมาทำไม? พระองค์ต้องการอะไร? *