คำแนะนำสำหรับครอบครัว | ชีวิตคู่
รู้จักให้อภัยกัน
ปัญหา
เมื่อคุณกับคู่สมรสทะเลาะกัน คุณมักจะขุดคุ้ยเรื่องเก่า ๆ ที่ทำให้เจ็บใจขึ้นมาพูด ทั้งที่เรื่องเหล่านั้นจบไปนานแล้ว. เพราะอะไร? นั่นอาจเป็นเพราะคุณหรือคู่ของคุณไม่รู้วิธีให้อภัยกัน.
![[ภาพหน้า 10]](https://assetsnffrgf-a.akamaihd.net/assets/m/102013324/univ/wpub/102013324_univ_cnt_2_xs.jpg)
แต่คุณสามารถ เรียนรู้วิธีให้อภัยได้. ก่อนอื่นให้เรามาพิจารณาว่าทำไมสามีและภรรยาจึงอาจรู้สึกว่าการให้อภัยกันเป็นเรื่องยาก.
สาเหตุของปัญหา
ต้องการอำนาจ. สามีหรือภรรยาบางคนไม่ยอมให้อภัยกันเพราะต้องการมีอำนาจต่อรอง. แล้วเมื่อเกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน พวกเขาก็จะใช้เรื่องเก่าเป็นไพ่ใบสุดท้ายเพื่อเอาชนะอีกฝ่ายหนึ่ง.
ยังแค้นไม่หาย. รอยแผลในอดีตอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะเยียวยาได้. ฝ่ายหนึ่งอาจพูดว่า ‘ฉันให้อภัยคุณแล้ว’ แต่ลึก ๆ ก็ยังแค้นใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นและรอวันที่จะเอาคืน.
ผิดหวังกับชีวิตคู่. บางคนตัดสินใจแต่งงานเพราะมั่นใจว่าชีวิตคู่จะหวานชื่นเหมือนนิยายชวนฝัน. เมื่อมีเรื่องขัดแย้งกัน พวกเขาจึงไม่ยอมรับความจริงและสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไรที่ “คู่แท้” ของตนจึงมีความคิดต่างกันเช่นนี้. ความคาดหมายที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงอาจทำให้คนเราจ้องจับผิดกันมากขึ้นและให้อภัยกันได้ยากขึ้น.
เข้าใจผิด. คู่สมรสหลายคู่ไม่ยอมให้อภัยกันเพราะเข้าใจผิดเกี่ยวกับผลที่จะตามมาหลังจากนั้น. ตัวอย่างเช่น พวกเขาคิดว่า:
ถ้าฉันให้อภัย ก็เท่ากับฉันมองว่าความผิดของเขาไม่สำคัญ.
ถ้าฉันให้อภัย ก็เท่ากับว่าฉันต้องลืมเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น.
ถ้าฉันให้อภัย ก็เท่ากับว่าฉันยอมให้เขาทำอะไรที่แย่ ๆ กับฉันอีก.
ที่จริงแล้ว การให้อภัยไม่ได้ หมายความเช่นนั้นเลย. แต่การให้อภัยก็อาจเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะในความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างสามีกับภรรยา.
สิ่งที่คุณทำได้
เข้าใจความหมายของการให้อภัย. ในคัมภีร์ไบเบิลหลายครั้งคำว่า “ให้อภัย” หมายถึง “ปล่อยไป.” ดังนั้น การให้อภัยจึงไม่ได้หมายความเสมอไปว่าคุณต้องลืมสิ่งที่เกิดขึ้นหรือมองว่าความผิดนั้นเป็นเรื่องไม่สลักสำคัญ. บางครั้ง การให้อภัยหมายถึงการปล่อยให้เรื่องนั้นผ่านไปเพื่อเห็นแก่สุขภาพของตัวคุณเองและความสุขในชีวิตคู่.
คิดถึงผลเสียของการไม่ให้อภัย. ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่าการเก็บความขุ่นเคืองไว้อาจทำให้คุณมีปัญหาสุขภาพหลายอย่างทั้งทางกายและทางใจ เช่น โรคซึมเศร้าและความดันโลหิตสูง ยังไม่ต้องพูดถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตสมรสของคุณ. ด้วยเหตุผลที่ดีนี้ คัมภีร์ไบเบิลจึงกล่าวว่า “จงกรุณาต่อกัน แสดงความเห็นใจกัน ให้อภัยกันอย่างใจกว้าง.”—เอเฟโซส์ 4:32
คิดถึงผลดีของการให้อภัย. การรู้จักให้อภัยจะช่วยให้คุณกับคู่สมรสเชื่อใจกัน แทนที่จะคอย “จดจำ” ความผิดของกันและกัน. เมื่อเป็นเช่นนี้ บ้านของคุณจะมีบรรยากาศที่สงบสุขและอบอวลไปด้วยความรัก.—คำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล: โกโลซาย 3:13
มองตามความเป็นจริง. คุณจะให้อภัยคู่ของคุณได้ง่ายขึ้นถ้าคุณยอมรับตัวตนที่แท้จริงของเขารวมทั้งความบกพร่องและข้อผิดพลาดต่าง ๆ. หนังสือสู้เพื่อยืดชีวิตคู่ (ภาษาอังกฤษ) บอกว่า “ถ้าคุณคิดถึงแต่สิ่งที่คุณไม่มี คุณก็จะลืมทุกสิ่งที่คุณมีไปได้ง่าย ๆ. ถึงตอนนี้คุณอยากคิดถึงสิ่งที่มีหรือไม่มีมากกว่าล่ะ?” ขอให้จำไว้ว่า ไม่มีใครสมบูรณ์พร้อมรวมทั้งตัวคุณเองด้วย.—คำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล: ยาโกโบ 3:2
มีเหตุผล. คราวหน้าถ้าคู่ของคุณพูดหรือทำอะไรบางอย่างที่ทำให้คุณไม่พอใจ ลองถามตัวเองว่า ‘เรื่องนั้นสำคัญจริง ๆ ไหม? ฉันต้องทำให้เขามาขอโทษฉันให้ได้ หรือฉันจะแค่มองข้ามและปล่อยเรื่องนั้นให้ผ่านไปได้ไหม?’—คำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล: 1 เปโตร 4:8
ถ้าจำเป็น ก็ปรับความเข้าใจกัน. อธิบายอย่างใจเย็นว่าอะไรทำให้คุณขุ่นเคือง และทำไมคุณรู้สึกเช่นนั้น. อย่ากล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งว่าเขามีเจตนาไม่ดีหรือถือความคิดของตนเป็นใหญ่ เพราะการทำเช่นนี้มีแต่จะผลักไสคู่ของคุณให้กลายเป็นฝ่ายตรงข้าม. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น คุณน่าจะบอกเขาว่าการกระทำของเขาทำให้คุณรู้สึกอย่างไร.
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ครอบครัวของคุณก็มีความสุขได้
ฝ่าฟันปัญหาไปด้วยกัน
ชีวิตแต่งงานจะมั่นคงและมีความสุขหรือมีแต่ปัญหาน่าหดหู่ก็ขึ้นอยู่กับคุณทั้งคู่
ตื่นเถิด!
เลิกใช้ “ความเงียบ” เป็นอาวุธ
คู่สมรสบางคู่โกรธเคืองกันถึงขนาดไม่พูดจากันได้อย่างไร และอะไรจะช่วยพวกเขาแก้ไขความขัดแย้งได้?
ตื่นเถิด!
ทำ
ถ้า
