ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

ตั้งใจ​แน่วแน่​ที่​จะ​เป็น​ทหาร​ของ​พระ​คริสต์

ตั้งใจ​แน่วแน่​ที่​จะ​เป็น​ทหาร​ของ​พระ​คริสต์

เสียง​ลูก​ปืน​ดัง​อยู่​รอบ​ตัว ผม​ยก​ผ้า​เช็ด​หน้า​สี​ขาว​ขึ้น​โบก​ช้า ๆ พวก​ทหาร​ที่​กำลัง​ยิง​ปืน​ตะโกน​บอก​ให้​ผม​ออก​มา​จาก​ที่​ซ่อน ผม​ค่อย ๆ เดิน​ออก​ไป​หา​พวก​เขา​โดย​ไม่​รู้​เลย​ว่า​จะ​ต้อง​ตาย​รึ​เปล่า คุณ​อยาก​รู้​ไหม​ว่า​ผม​มา​อยู่​ใน​สถานการณ์​แบบ​นี้​ได้​ยัง​ไง?

ผม​ลืม​ตา​ดู​โลก​ใน​ปี 1926 ที่​หมู่​บ้าน​คาริตซา​ซึ่ง​เป็น​หมู่​บ้าน​เล็ก ๆ ใน​ประเทศ​กรีซ ผม​เป็น​ลูก​คน​ที่ 7 ใน​จำนวน​พี่​น้อง​ทั้ง​หมด 8 คน พ่อ​แม่​เรา​ทำ​งาน​อย่าง​ขยัน​ขันแข็ง​มาก

ปี​ก่อน​ที่​ผม​จะ​เกิด พ่อ​กับ​แม่​ได้​เจอ​จอห์น พัพพาริโซส​ซึ่ง​เป็น​นัก​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล (ชื่อ​เรียก​พยาน​พระ​ยะโฮวา​สมัย​นั้น) เขา​เป็น​คน​กระตือรือร้น​และ​ช่าง​พูด​ช่าง​คุย พ่อ​กับ​แม่​ประทับใจ​ที่​จอห์น​หา​เหตุ​ผล​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​อย่าง​ดี แล้ว​พ่อ​แม่​ก็​เริ่ม​ไป​ประชุม​กับ​นัก​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ใน​หมู่​บ้าน แม่​มี​ความ​เชื่อ​ที่​เข้มแข็ง​ใน​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า แม่​จะ​หา​โอกาส​ประกาศ​กับ​คน​อื่น​ทุก​ครั้ง​เท่า​ที่​ทำ​ได้​แม้​ว่า​จะ​อ่าน​หนังสือ​ไม่​ออก แต่​น่า​เสียดาย​ที่​พ่อ​มอง​แต่​ความ​ไม่​สมบูรณ์​ของ​คน​อื่น​ก็​เลย​ค่อย ๆ เลิก​ไป​ประชุม

ผม​กับ​พวก​พี่ ๆ น้อง ๆ นับถือ​คัมภีร์​ไบเบิล แต่​พอ​เป็น​วัยรุ่น​ก็​รู้สึก​ชอบ​เที่ยว​ชอบ​สนุก​มาก​กว่า ใน​ปี 1939 เกิด​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 ขึ้น​ใน​ยุโรป มี​เหตุ​การณ์​หนึ่ง​เกิด​ขึ้น​ใน​หมู่​บ้าน​ซึ่ง​ทำ​ให้​พวก​เรา​ตกใจ​มาก นิโคลัส ซาราส​ซึ่ง​เป็น​ญาติ​ที่​อยู่​ใกล้ ๆ บ้าน​เรา​และ​เพิ่ง​รับ​บัพติศมา​ถูก​เกณฑ์​ทหาร ตอน​นั้น​พี่​นิโคลัส​อายุ 20 แต่​เขา​ก็​บอก​สัสดี​อย่าง​กล้า​หาญ​ว่า “ผม​ไป​สู้​รบ​ใน​สงคราม​ไม่​ได้​หรอก​ครับ​เพราะ​ผม​เป็น​ทหาร​ของ​พระ​คริสต์” เขา​ถูก​นำ​ตัว​ขึ้น​ศาล​ทหาร​และ​ถูก​ตัดสิน​จำ​คุก 10 ปี พวก​เรา​ช็อก​มาก​ที่​รู้​ข่าว​นี้!

ตอน​ต้น​ปี 1941 ทหาร​ของ​กองทัพ​พันธมิตร​มา​ถึง​กรีซ พี่​นิโคลัส​ก็​เลย​ถูก​ปล่อย​ตัว พอ​เขา​เดิน​ทาง​กลับ​มา​ถึง​คาริตซา อิเลอัส​พี่​ชาย​ของ​ผม​ก็​ระดม​คำ​ถาม​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​ใส่​เขา ผม​ก็​นั่ง​ฟัง​ด้วย​อย่าง​ตั้งใจ หลัง​จาก​นั้น ผม พี่​อิเลอัส และ​เอฟมอร์เฟีย​น้อง​สาว​คน​เล็ก​ก็​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล เรา​ไป​ประชุม​กับ​พยาน​ฯ​เป็น​ประจำ ปี​ถัด​มา​เรา 3 คน​ก็​อุทิศ​ตัว​ให้​พระ​ยะโฮวา​และ​รับ​บัพติศมา ต่อ​มา​พี่ ๆ อีก 4 คน​ก็​มา​เป็น​พยาน​ฯ​ที่​ซื่อ​สัตย์​ด้วย​เหมือน​กัน

ใน​ปี 1942 ประชาคม​คาริตซา​มี​พี่​น้อง​หนุ่ม​สาว​ที่​อายุ​ระหว่าง 15-25 ถึง​เก้า​คน เรา​ทุก​คน​รู้​ว่า​ความ​ยาก​ลำบาก​แสน​สาหัส​กำลัง​รอ​อยู่​ข้าง​หน้า เรา​จึง​เสริม​ความ​เชื่อ​ของ​เรา​ให้​เข้มแข็ง​โดย​พยายาม​หา​โอกาส​รวม​ตัว​กัน​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล ร้อง​เพลง​ราชอาณาจักร และ​อธิษฐาน​ด้วย​กัน​ให้​บ่อย​ที่​สุด​เท่า​ที่​จะ​ทำ​ได้ แล้ว​มัน​ก็​ทำ​ให้​เรา​มี​ความ​เชื่อ​ที่​เข้มแข็ง​จริง ๆ

เดเมเตรียส​กับ​เพื่อน ๆ ที่​คาริตซา

สงคราม​กลาง​เมือง

ตอน​ที่​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 กำลัง​จะ​จบ พวก​คอมมิวนิสต์​ใน​กรีซ​ได้​กบฏ​ต่อ​ต้าน​รัฐบาล​ซึ่ง​เป็น​ชนวน​ให้​เกิด​สงคราม​กลาง​เมือง​ขึ้น พวก​กองโจร​คอมมิวนิสต์​ไป​ตาม​เขต​ชนบท​และ​บังคับ​ชาว​บ้าน​มา​เข้า​ร่วม​กับ​พวก​เขา เมื่อ​พวก​นั้น​มา​ถึง​หมู่​บ้าน​ของ​เรา พวก​เขา​จับ​ตัว​พยาน​ฯ​หนุ่ม​สาว​ไป 3 คน คือ​ผม พี่​อิเลอัส และ​อันโทนิโอ ซู​กา​ริส เรา​สาม​คน​อ้อน​วอน​พวก​เขา​และ​บอก​ว่า​เรา​เป็น​คริสเตียน​ที่​รักษา​ตัว​เป็น​กลาง แต่​พวก​เขา​ไม่​ฟัง​และ​บังคับ​เรา​ให้​เดิน​ไป​ที่​ภูเขา​โอลิมปัส​ซึ่ง​ห่าง​จาก​หมู่​บ้าน​เรา​ไป 12 ชั่วโมง

ต่อ​มา เจ้าหน้าที่​คอมมิวนิสต์​คน​หนึ่ง​สั่ง​ให้​เรา​เข้า​ร่วม​กับ​กองโจร​คอมมิวนิสต์ พอ​เรา​อธิบาย​ว่า​คริสเตียน​แท้​จะ​ไม่​จับ​อาวุธ​เข่น​ฆ่า​เพื่อน​มนุษย์​ด้วย​กัน เขา​ก็​โกรธ​และ​ลาก​พวก​เรา​ไป​หา​หัวหน้า พอ​เรา​อธิบาย​กับ​หัวหน้า​อีก​ครั้ง เขา​ก็​สั่ง​ว่า “งั้น​พวก​แก​เอา​ล่อ​ไป​ตัว​นึง แล้ว​พา​ทหาร​ที่​บาดเจ็บ​ไป​โรง​พยาบาล”

พวก​เรา​ตอบ​ว่า “แต่​ถ้า​เรา​ถูก​ทหาร​ของ​รัฐบาล​จับ พวก​เขา​จะ​ไม่​คิด​เหรอ​ครับ​ว่า​เรา​เป็น​พวก​เดียว​กับ​คุณ?” เขา​เลย​บอก​ว่า “งั้น​เอา​ขนมปัง​ไป​ส่ง​ที่​สนาม​รบ” เรา​บอก​เขา​อีก​ว่า “แต่​ถ้า​เจ้าหน้าที่​เห็น​เรา​มี​ล่อ เขา​จะ​ไม่​สั่ง​ให้​เรา​ขน​อาวุธ​ไป​สนาม​รบ​เหรอ​ครับ?” หัวหน้า​คิด​หนัก​อยู่​นาน แล้ว​เขา​ก็​ตะโกน​ใส่​เรา​ว่า “ปัด​โธ่​เว้ย! พวก​แก​คง​เลี้ยง​แกะ​ได้​ใช่​ไหม? งั้น​ไป​เลี้ยง​แกะ​บน​ภูเขา​เลย​ไป!”

เรา 3 คน​รู้สึก​ว่า​การ​เลี้ยง​แกะ​ไม่​ได้​ฝืน​ความ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ชั่ว​ดี​ของ​เรา เรา​เลย​ทำ​งาน​นั้น​ใน​ช่วง​ที่​เกิด​สงคราม​กลาง​เมือง​ไป​ทั่ว พอ​หนึ่ง​ปี​ผ่าน​ไป พี่​อิเลอัส​ก็​ถูก​ปล่อย​ตัว​กลับ​บ้าน​ไป​ดู​แล​แม่​ของ​เรา​ที่​เป็น​ม่าย​เพราะ​เขา​เป็น​ลูก​ชาย​คน​โต ส่วน​อันโทนิโอ​ก็​ป่วย​เลย​ถูก​ปล่อย​ตัว​กลับ เหลือ​แค่​ผม​คน​เดียว​ที่​ยัง​ถูก​จับ

ตอน​นั้น กองทัพ​กรีก​บุก​เข้า​มา​ประชิด​พวก​คอมมิวนิสต์ กลุ่ม​ที่​จับ​ตัว​ผม​ไว้​ก็​เลย​หนี​ไป​ตาม​ภูเขา​ซึ่ง​เป็น​ทาง​ที่​จะ​ไป​แอลเบเนีย​ประเทศ​เพื่อน​บ้าน แต่​พอ​ใกล้​จะ​ถึง​ชายแดน จู่ ๆ ก็​มี​ทหาร​กรีก​ล้อม​เรา​ไว้ พวก​กบฏ​กลัว​และ​พา​กัน​หนี​ไป ส่วน​ผม​ซ่อน​อยู่​หลัง​ต้น​ไม้​ที่​ล้ม​อยู่ แล้ว​ผม​ก็​ติด​อยู่​ใน​วง​ล้อม​ของ​ทหาร​อย่าง​ที่​ผม​เล่า​ไป​ตอน​ต้น

พอ​ผม​บอก​ทหาร​กรีก​ว่า​ผม​ถูก​พวก​คอมมิวนิสต์​จับ​มา พวก​เขา​ก็​พา​ผม​ไป​ที่​ค่าย​ทหาร​ใกล้​กับ​เวรี​อา​ซึ่ง​ก็​คือ​เมือง​เบโรอา​โบราณ​ที่​พูด​ถึง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล ใน​ค่าย​นั้น​ทหาร​สั่ง​ให้​ผม​ขุด​สนาม​เพลาะ​เป็น​แนว​ตั้ง​รับ​ไว้​ให้​ทหาร​หลบ​ข้าศึก พอ​ผม​ไม่​ยอม​ทำ ผู้​บัญชา​การ​ทหาร​เลย​สั่ง​เนรเทศ​ผม​ไป​อยู่​ที่​เกาะ​มาโครนิโซส (มาโครนีซี) ที่​น่า​กลัว เกาะ​นี้​เป็น​เกาะ​ที่​ใช้​คุม​ขัง​นัก​โทษ

เกาะ​มหา​โหด

เกาะ​มาโครนิโซส​เป็น​เกาะ​ที่​แห้ง​แล้ง หนาว​เย็น เต็ม​ไปด้วย​หิน​และ​แดด​จัด เกาะ​นี้​อยู่​ห่าง​จาก​กรุง​เอเธนส์ 50 กิโลเมตร​ใกล้​กับ​ชายฝั่ง​อัตติคา ถึง​เกาะ​นี้​จะ​ยาว​แค่ 13 กิโลเมตร​และ​กว้าง 2.5 กิโลเมตร แต่​ใน​ปี 1947 ถึง 1958 มี​นัก​โทษ​มาก​กว่า 100,000 คน​ถูก​ส่ง​ไป​ที่​นั่น รวม​ทั้ง​คน​ที่​เป็น​คอมมิวนิสต์ คน​ที่​ถูก​สงสัย​ว่า​เป็น​คอมมิวนิสต์ อดีต​ผู้​ต่อ​ต้าน​รัฐบาล และ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ที่​ซื่อ​สัตย์​จำนวน​หนึ่ง

ตอน​ที่​ผม​มา​ถึง​เกาะ​มาโครนิโซส​ช่วง​ต้น​ปี 1949 มี​การ​แบ่ง​นัก​โทษ​ไป​ตาม​แคมป์​ต่าง ๆ บน​เกาะ​นั้น ผม​ถูก​ส่ง​ไป​อยู่​ใน​แคมป์​ที่​ไม่​ค่อย​เข้มงวด​ซึ่ง​มี​นัก​โทษ​อยู่​หลาย​ร้อย​คน เรา​ต้อง​นอน​บน​พื้น​ที่​ปู​ผ้า​ใบ ซึ่ง​ปกติ​แล้ว​ผ้า​ใบ​ผืน​หนึ่ง​นอน​ได้​แค่ 10 คน​เท่า​นั้น แต่​เรา​ต้อง​นอน​กัน​ตั้ง 40 คน เรา​ต้อง​ดื่ม​น้ำ​สกปรก และ​ส่วน​มาก​อาหาร​ที่​กิน​ก็​มี​แต่​ถั่ว​เลนทิล​กับ​มะเขือ แถม​ลม​ก็​พัด​ฝุ่น​ขึ้น​มา​ตลอด​เวลา​ทำ​ให้​เรา​อยู่​กัน​ลำบาก​มาก แต่​อย่าง​น้อย​เรา​ก็​ไม่​ต้อง​ขน​หิน​หนัก ๆ อย่าง​ไม่​มี​วัน​จบ​สิ้น​เหมือน​นัก​โทษ​ที่​น่า​สงสาร​หลาย​คน​เคย​โดน​จน​ร่าง​กาย​ทรุดโทรม​และ​แทบ​จะ​เป็น​บ้า

กับ​พยาน​ฯ​ที่​ถูก​เนรเทศ​บน​เกาะ​มาโครนิโซส

วัน​หนึ่ง​ตอน​ที่​เดิน​บน​ชาย​หาด ผม​ได้​พบ​กับ​พยาน​ฯ​หลาย​คน​จาก​แคมป์​อื่น​บน​เกาะ เรา​ดีใจ​มาก​ที่​ได้​เจอ​กัน เรา​พยายาม​มา​เจอ​กัน​ให้​บ่อย​เท่า​ที่​ทำ​ได้​แต่​ก็​ต้อง​ระวัง​มาก​เพื่อ​ไม่​ให้​โดน​จับ​ได้ นอก​จาก​นั้น เรา​ประกาศ​กับ​นัก​โทษ​คน​อื่น ๆ อย่าง​ระมัดระวัง​ซึ่ง​ตอน​หลัง​บาง​คน​ได้​เข้า​มา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ด้วย การ​ที่​เรา​ทำ​แบบ​นี้​รวม​ทั้ง​อธิษฐาน​ระบาย​ความ​รู้สึก​จาก​หัวใจ​ให้​พระ​ยะโฮวา​ฟัง​ช่วย​ให้​เรา​มี​ความ​เชื่อ​เข้มแข็ง​ต่อ​ไป​ได้

การ​ทดสอบ​ที่​หนักหนา​สาหัส

หลัง​จาก 10 เดือน​ที่​ถูก​ส่ง​ตัว​ไป​เข้า​รับ “การ​บำบัด​ฟื้นฟู” ผู้​คุม​ก็​ตัดสิน​ใจ​ว่า​ถึง​เวลา​แล้ว​ที่​จะ​ให้​ผม​ใส่​ชุด​ทหาร พอ​ผม​ยัง​ไม่​ยอม เขา​ก็​ลาก​ผม​ไป​หา​เจ้าหน้าที่​หัวหน้า​แคมป์ พอ​ไป​ถึง​ผม​ก็​ยื่น​กระดาษ​ให้​เขา ใน​นั้น​ผม​เขียน​ว่า “ผม​อยาก​เป็น​ทหาร​ของ​พระ​คริสต์​เท่า​นั้น” หลัง​จาก​ที่​เขา​ขู่​ผม​ให้​กลัว เขา​ก็​ส่ง​ตัว​ผม​ให้​รอง​หัวหน้า​ซึ่ง​เป็น​อาร์ชบิชอป​ของ​นิกาย​กรีก​ออร์โทด็อกซ์​ที่​แต่ง​ชุด​อาร์ชบิชอป​เต็ม​ยศ เขา​ถาม​คำ​ถาม​ผม​หลาย​ข้อ ผม​ก็​ตอบ​เขา​โดย​ใช้​คัมภีร์​ไบเบิล​แบบ​ไม่​กลัว เขา​โมโห​มาก​และ​ตะโกน​ว่า “เอา​มัน​ไป​ให้​พ้น! มัน​บ้า​ไป​แล้ว!”

เช้า​วัน​ถัด​มา พวก​ทหาร​ก็​สั่ง​ให้​ผม​ใส่​ชุด​ทหาร​อีก พอ​ผม​ไม่​ยอม พวก​เขา​ก็​ชก​ผม​และ​เอา​กระบอง​ไม้​ฟาด​ผม เสร็จ​แล้ว​พวก​เขา​ก็​พา​ผม​ไป​ห้อง​พยาบาล​เพื่อ​จะ​เช็ก​ให้​แน่​ใจ​ว่า​กระดูก​ผม​ไม่​หัก จาก​นั้น​พวก​เขา​ก็​ลาก​ผม​กลับ​ไป​ที่​เต็นท์ พวก​เขา​ทำ​แบบ​นี้​ทุก​วัน​นาน​ถึง 2 เดือน

ผม​ยัง​คง​มี​ความ​เชื่อ​มั่นคง​ไม่​ยอม​อ่อนข้อ​ให้​กับ​พวก​เจ้าหน้าที่ พวก​เขา​ก็​เลย​หงุดหงิด​มาก​และ​พยายาม​หา​วิธี​ใหม่ พวก​เขา​จับ​ผม​มัด​มือ​ไว้​ข้าง​หลัง​แล้ว​เอา​เชือก​ฟาด​ฝ่า​เท้า​ผม​สุด​แรง ตลอด​เวลา​ที่​ต้อง​เจ็บ​ปวด​แสน​สาหัส ผม​นึก​ถึง​คำ​สอน​ของ​พระ​เยซู​ที่​บอก​ว่า ‘เมื่อ​คุณ​โดน​คน​อื่น​ข่มเหง ด่า​ว่า คุณ​ก็​มี​ความ​สุข ดีใจ​ได้​เลย เพราะ​คุณ​จะ​ได้​รางวัล​ที่​มี​ค่า​มาก​ใน​สวรรค์ พวก​ผู้​พยากรณ์​ใน​สมัย​ก่อน​ก็​โดน​ข่มเหง​เหมือน​คุณ​นี่​แหละ’ (มธ. 5:11, 12) หลัง​จาก​โดน​ทรมาน​แบบ​ที่​ไม่​รู้​ว่า​จะ​จบ​เมื่อไหร่ ใน​ที่​สุด​ผม​ก็​สลบ​ไป

ผม​ตื่น​ขึ้น​มา​ใน​ห้อง​ขัง​ที่​เย็น​เฉียบ ไม่​มี​อาหาร น้ำ หรือ​ผ้า​ห่ม แต่​ผม​ก็​รู้สึก​สงบ​ใจ​เหมือน​ที่​คัมภีร์​ไบเบิล​บอก​ไว้​เลย​ว่า ‘สันติ​สุข​ของ​พระเจ้า​จะ​ปก​ป้อง​หัวใจ​และ​ความ​คิด​ของ​ผม’ (ฟป. 4:7) วัน​ถัด​มา ทหาร​ที่​ใจ​ดี​คน​หนึ่ง​ก็​เอา​อาหาร น้ำ และ​เสื้อ​หนาว​มา​ให้​ผม ทหาร​อีก​คน​ถึง​กับ​เอา​อาหาร​ส่วน​ของ​เขา​มา​ให้​ผม เหตุ​การณ์​เหล่า​นี้​และ​เหตุ​การณ์​อื่น ๆ อีก​ทำ​ให้​ผม​รู้สึก​ว่า​พระ​ยะโฮวา​รัก​ผม​และ​ดู​แล​เอา​ใจ​ใส่​ผม​จริง ๆ

พวก​เจ้าหน้าที่​มอง​ว่า​ผม​เป็น​กบฏ​ที่​ดื้อด้าน พวก​เขา​เลย​ส่ง​ผม​ไป​กรุง​เอเธนส์​เพื่อ​ขึ้น​ศาล​ทหาร ผม​ถูก​ตัดสิน​จำ​คุก 3 ปี​ที่​เรือน​จำ​เอ็นเยโรส (เกีย​โรส) ซึ่ง​เป็น​เกาะ​อีก​แห่ง​ที่​อยู่​ห่าง​จาก​เกาะ​มาโครนิโซส 50 กิโลเมตร

“เรา​ไว้​ใจ​คุณ​ได้”

เรือน​จำ​เอ็นเยโรส​เป็น​ป้อม​ปราการ​ใหญ่​โต​ที่​ก่อ​จาก​อิฐ​สี​แดง ที่​นั่น​มี​นัก​โทษ​การ​เมือง​มาก​กว่า 5,000 คน​และ​มี​พยาน​พระ​ยะโฮวา 7 คน​ซึ่ง​ติด​คุก​เพราะ​รักษา​ความ​เป็น​กลาง​ของ​คริสเตียน แม้​ที่​นั่น​จะ​มี​กฎ​เข้มงวด​มาก แต่​เรา 7 คน​ก็​แอบ​เจอ​กัน​เป็น​ประจำ​เพื่อ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล เรา​ถึง​กับ​ได้​รับ​หอสังเกตการณ์ ที่​มี​คน​ลักลอบ​ส่ง​เข้า​มา​ให้​เรา​เป็น​ประจำ แล้ว​เรา​ก็​จะ​คัด​ลอก​ไว้​เพื่อ​ใช้​ใน​การ​ศึกษา

วัน​หนึ่ง​ตอน​ที่​เรา​กำลัง​แอบ​ศึกษา เจ้าหน้าที่​เรือน​จำ​คน​หนึ่ง​มา​เจอ​พวก​เรา​ตอน​ที่​อยู่​กัน​เป็น​กลุ่ม​และ​ยึด​หนังสือ​ของ​เรา​ไป เรา​ถูก​พา​ไป​ที่​ออฟฟิศ​ของ​รอง​หัวหน้า​เรือน​จำ เรา​คิด​ว่า​ต้อง​โดน​เพิ่ม​โทษ​ให้​ติด​คุก​นาน​ขึ้น​แน่ ๆ แต่​รอง​หัวหน้า​เรือน​จำ​กลับ​บอก​ว่า “เรา​รู้​ว่า​พวก​คุณ​เป็น​ใคร และ​เรา​เคารพ​จุด​ยืน​ของ​พวก​คุณ เรา​รู้​ว่า​เรา​ไว้​ใจ​คุณ​ได้ กลับ​ไป​ทำ​งาน​ได้​แล้ว” เขา​ถึง​กับ​มอบหมาย​ให้​เรา​ไป​ทำ​งาน​ที่​ง่าย​ขึ้น เรา​รู้สึก​ขอบคุณ​พระ​ยะโฮวา​มาก​จริง ๆ เรา​รู้สึก​ว่า​ความ​ซื่อ​สัตย์​ของ​เรา​สามารถ​ทำ​ให้​พระ​ยะโฮวา​ได้​รับ​การ​สรรเสริญ​แม้​แต่​ใน​คุก

ความ​มั่นคง​แน่วแน่​ของ​เรา​ยัง​ทำ​ให้​เกิด​ผล​ดี​อื่น ๆ ด้วย นัก​โทษ​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​เคย​เป็น​ศาสตราจารย์​ด้าน​คณิตศาสตร์​คอย​สังเกต​ความ​ประพฤติ​ของ​เรา และ​เห็น​ว่า​เรา​มี​ความ​ประพฤติ​ที่​ดี​ก็​เลย​ถาม​เกี่ยว​กับ​ความ​เชื่อ​ของ​เรา ตอน​ต้น​ปี 1951 เมื่อ​พวก​เรา​ที่​เป็น​พยาน​ฯ​ถูก​ปล่อย​ตัว เขา​ก็​ถูก​ปล่อย​ตัว​ด้วย จาก​นั้น​เขา​ก็​รับ​บัพติศมา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​และ​รับใช้​เต็ม​เวลา

เป็น​ทหาร​ต่อ​ไป

กับ​เจเน็ต​ภรรยา​ของ​ผม

หลัง​จาก​ที่​ผม​ถูก​ปล่อย​ออก​จาก​คุก ผม​ก็​กลับ​ไป​หา​ครอบครัว​ที่​คาริตซา หลัง​จาก​นั้น คน​กรีก​หลาย​คน​ซึ่ง​รวม​ถึง​ผม​ด้วย​ก็​อพยพ​ไป​เมือง​เมลเบิร์น ประเทศ​ออสเตรเลีย ที่​นั่น ผม​ได้​เจอ​กับ​เจเน็ต​ซึ่ง​เป็น​พี่​น้อง​หญิง​ที่​น่า​รัก เรา​แต่งงาน​กัน​และ​มี​ลูก​ชาย 1 คน​และ​ลูก​สาว 3 คน เรา​อบรม​เลี้ยง​ดู​พวก​เขา​ตาม​แนว​ทาง​ของ​คริสเตียน

ตอน​นี้​ผม​อายุ 90 กว่า​แล้ว ผม​ยัง​คง​เป็น​ผู้​ดู​แล​ใน​ประชาคม บาง​ครั้ง​ผม​ปวด​เท้า​และ​ตาม​ร่าง​กาย​โดย​เฉพาะ​หลัง​จาก​ไป​ประกาศ ที่​เป็น​อย่าง​นี้​ก็​เพราะ​การ​ถูก​ทำ​ร้าย​ใน​อดีต ถึง​อย่าง​นั้น ผม​ก็​ยัง​ตั้งใจ​แน่วแน่​เหมือน​เดิม​ที่​จะ​เป็น ‘ทหาร​ของ​พระ​คริสต์’—2 ทธ. 2:3